ตรวจสุขภาพบูรณาการ เจาะลึกถึงระดับเซลล์ ค้นหาสาเหตุของปัญหาสุขภาพอย่างตรงจุด

ภูมิแพ้อาหารแฝง Food Intolerance 222 : IgG

ภูมิแพ้อาหารแฝง (Food IgG) หรือที่เรียกกันว่า "Food Intolerance" คือ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบย่อยอาหารหลังจากกินอาหารที่แพ้เข้าไป โดยอาการจะไม่รุนแรงเหมือนเวลาแพ้อาหารที่เกิดขึ้นฉับพลัน แต่จะสร้างความรําคาญให้กับคนที่มีอาการ ซึ่งมีหลายคนที่เข้าใจผิดว่าภูมิแพ้อาหารแฝงกับอาการแพ้อาหารคืออาการเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นมีอาการที่แตกต่างกัน

อาการของภูมิแพ้อาหารแฝง (Food Intolerance) โดยทั่วไป

• ปวดกล้ามเนื้อ รู้สึกอ่อนแรง 
• โรคจมูกอักเสบ ไชนิสอักเสบ
• รู้สึกเมื่อยล้า สมาธิสั้น
• อาเจียน ท้องอืด คลื่นไส้
• ปวดหัวไมเกรน 
• ผื่น คันตามร่างกาย 
• สิวอักเสบบริเวณใบหน้า ลําคอ ขาและแขน

หมวดหมู่และชนิดอาหารที่มักพบอาการภูมิแพ้อาหารแฝงมีมากกว่า 200 รายการ ดังนี้

หมวดหมู่ที่ 1 : ผลิตภัณฑ์ที่ทําจากนม / ไข่ เช่น นมวัว, โยเกิร์ต, ชีส, ครีม, เนย, เวย์โปรตีนและผลิตภัณฑ์จากนมแพะ หรือนมแกะ

หมวดหมู่ที่ 2 : ธัญพืช (มีกลูเตน) เช่น ขนมปัง พาสต้า แป้งสาลี เบเกอรี่ต่างๆ ที่มีส่วนผสมของข้าวสาลี, เบียร์ ซุปบางชนิด ซีเรียลและผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ส่วนผสมของข้าวบาร์เล่ย์, ขนมปังไรย์หรือซีเรียลบางยี่ห้อ เป็นต้น

หมวดหมู่ที่ 3 : ธัญพืช (ไม่มีกลูเตน) เช่น ข้าวโพด, ข้าวโอ๊ต, ควินัว, บักวีต (Buckwheat) และข้าวฟ่าง ฯลฯ

หมวดหมู่ที่ 4 : ผัก เช่น กะหล่ำปลี, บร็อคโคลี, กะหล่ำดอก, คะน้า, มะเขือเทศ, พริกหวาน, มะเขือม่วง, มันฝรั่ง (ไม่รวมมันเทศ), ข้าวโพดอ่อน, หัวหอม / กระเทียม, ผักโขม, หน่อไม้ฝรั่ง, แครอท

หมวดหมู่ที่ 5 : ผลไม้ เช่น สับปะรด, กล้วย, ส้ม, แอปเปิ้ล, มะม่วง, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี, แตงโม และผลไม้หวานจัด

หมวดหมู่ที่ 6 : ปลา/อาหารทะเล เช่น ปลาอินทรีย์, ปลาทู, ปลากะพง, ปลาจะละเม็ด, ปลาซาบะ, ปลาน้ำจืดบางชนิดอย่าง ปลาดุก, ปลานิล, ปลาช่อน, กุ้ง, ปู,  ปลาหมึก, กั้ง, หอยนางรม,  หอยแมลงภู่, หอยแครง ฯลฯ

หมวดหมู่ที่ 7 : เนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ เป็ด เนื้อวัว ที่รับประทานบ่อยมากจนเกินไปหรือการได้รับสารตกค้างในเนื้อสัตว์ เช่น ฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ

หมวดหมู่ที่ 8 : สมุนไพร / เครื่องเทศ เช่น พริกแดง, เขียว, พริกป่น, พริกไทยดำ, ขมิ้นชัน, ใบกะเพรา, ใบโหระพา, แมงลัก, กระเทียม, หอมแดง, ต้นหอม, ผงกะหรี่ เป็นต้น

หมวดหมู่ที่ 9 : ถั่วจําพวกเมล็ด เช่น ถั่วลิสง, อัลมอนด์, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, วอลนัต, พีแคน, เฮเซลนัต, แมคคาเดเมีย, เมล็ดทานตะวัน, เมล็ดฟักทองและเมล็ดแฟลกซ์ฯลฯ

หมวดหมู่อื่นๆ : เช่น น้ำตาล, สารให้ความหวาน, อาหารแปรรูป

รู้ได้ยังไรว่าเป็นภูมิแพ้เฉียบพลัน ?

เมื่อมีอาการและอาการแสดงดังข้างต้น ควรไปพบแพทย์เพื่อซักประวัติและตรวจร่างกาย

แพทย์อาจทําการตรวจอื่นๆด้วย เช่น การทดสอบสมรรถภาพปอด ในรายที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหืด การทดสอบทางผิวหนังเพื่อให้ทราบถึงสารที่ผู้ป่วยแพ้ ซึ่งทราบผลภายใน 15 นาที หรือการตรวจดูเชลล์ของเยื่อบุจมูก ในกรณีของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีหน้าที่ที่จะจดจําสิ่งแปลกปลอมที่จะทําร้ายร่างกายเรา เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส โดยการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นต่อสู้กับเชื้อโรค โรคภูมิแพ้ เป็นภาวะที่ภูมิของร่างกายมีปฏิกิริยากับโปรตีนหรือสารก่อภูมิแพ้ Allergen จากสิ่งแวดล้อม ซึ่งปกติจะไม่มีอันตรายสําหรับผู้ไม่แพ้ปฏิกิริยานี้ เริ่มเมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่จะเกิดการสร้างภูมิ ที่เรียกว่า IgE Antibody หรือ Antibody จะกระตุ้นให้มีการหลั่งสาร Histamine ขึ้นที่เนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ผิวหนัง ปอด จมูก ลําไส้ ทําให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ อาการแสดงจะเกิดตามอวัยวะต่างๆ เช่น ลมพิษที่ผิวหนัง คัดจมูก แน่นหน้าอก เนื่องจากหอบหืด บางรายอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

ระยะเวลาแสดงอาการแพ้แบบเฉียบพลัน (IgE) แสดงอาการไม่กี่นาที

ระยะเวลาแสดงอาการแพ้แบบเรื้อรัง (Non-IgE mediated) 3-4 ชั่วโมง

สารก่อภูมิแพ้ มีอะไรบ้าง?

• นมและผลิตภัณฑ์นม
• อาหาร
• ธัญพืชและถั่ว
• เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ จากเนื้อสัตว์
• ผักและผลไม้
• สารก่อภูมิแพ้จากสัตว์
• แมลง
• ตระกูลไร/จุลชีพ ก่อโรคภูมิแพ้
• พืชและละอองเกสร

ตรวจสารพิษโลหะหนักสะสมและแร่ธาตุในร่างกายและจัดโปรแกรมโภชนาการเพื่อสร้างสมดุล

• วิเคราะห์ชนิดและปริมาณสารพิษโลหะหนัก ซึ่งโลหะหนักเป็นพิษ ได้แก่ Hg, Pb, Cd, As, ปรอท Mercury, ตะกั่ว, Lead, แคดเมียม Cadmium, สารหนู Arsenic, AL อลูมินัม Aluminum, Sb พลวง, U, Antimony, ยูเรเนียม Uranium, Be เบริลเลียม Beryllium
• วิเคราะห์ปริมาณแร่ธาตุเพื่อหาระดับที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล ซึ่งแร่ธาตุสําคัญของร่างกาย ได้แก่ Ca แคลเซียม Calcium, Mg, แมกนีเซียม Magnesium, Na โซเดียม Sodium, K โปแตสเซียม Potassium, Cu ทองแดง, Copper, Zn, P, Fe, สังกะสี,  ฟอสฟอรัส, เหล็ก, Zinc, Phosphorus, Iron, Mn แมงกานีส Manganese, Cr โครเมียม Chromium, B, Se, โบรอน, ซีลีเนียม Selenium, Boron, Co โคบอลต์ Cobalt, Mo โมลิบดีนัม Molybdenum และS ซัลเฟอร์ Sulfur

อาการเจ็บป่วยที่อาจเป็นผลสืบเนื่องมาจากสภาวะการขาดหรือเกินของแร่ธาตุ

• อาการปวดศรีษะ
• ปวดท้อง
• ภาวะภูมิแพ้
• กระสับกระส่าย
• ภาวะหดหู่
• ภาวะอ่อนแอทุพพลภาพ การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม
• ความดันโลหิตสูง

การออกแบบโปรแกรมโภชนาการเฉพาะบุคคลที่ AMARIS WELLNESS CLINIC 

การตรวจวัดปริมาณแร่ธาตุในเส้นผม (HTMA) ช่วยให้แพทย์สามารถหาสาเหตุพื้นฐานที่ทําให้คนไข้เจ็บป่วย อีกทั้งยังใช้ประเมินผลร่วมกับการวินิจฉัยอื่นๆ จึงทําให้แพทย์เห็นภาพรวมของสุขภาพคนไข้และสามารถออกแบบ โปรแกรมโภชนาการที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และเหมาะสมกับสุขภาพของแต่ละบุคคล

การตรวจ EPIGENETIC คืออะไร

หน่วยพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ (DNA) ทําหน้าที่ถ่ายทอดลักษณะของสิ่งมีชีวิตไปสู่รุ่นต่อๆ ไป โดยมีทั้งส่วนที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมใน DNA เรียกว่า “ยีน” แต่การแสดงออกของยีนนั้น ได้รับผลกระทบจากอาหารการกิน พฤติกรรมสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ เปลี่ยนแปลงข้อมูลการกํากับการแสดงออกของยีน เรียกว่ากลไก Epigeneticห รือสภาวะควบคุมเหนือพันธุกรรม 

การตรวจ Epigenetic เป็นการตรวจปฏิกิริยา ดีเอ็นเอเมทิเลชัน (DNA methylation) ซึ่งจะมีการเติมหมู่เมทิลที่เบสไซโทซีนของดีเอ็นเอ ส่งผลถึงการแสดงออกของยีน ลักษณะทางพันธุกรรม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์ ตั้งแต่การควบคุมการเจริญเติบโต ไปจนถึงการเกิดโรคหลายชนิด เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น

การตรวจ EPIGENETIC รู้ผลอะไรบ้าง?

• อายุชีวภาพ อายุและสุขภาพเชลล์ เปรียบเทียบกับอายุจริง 
• ดูร่องรอยแห่งวัยนับแต่อดีตจนปัจจุบัน อัตราเร่งของอายุ อัตราที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความเสี่ยงต่อการเป็นโรคและเสียชีวิต
• อายุระบบภูมิคุ้มกัน ดูความสามารถของเซลล์ภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคต่างๆ
• ตรวจความยาวของเทโลเมียร์ซึ่งแม่นยํากว่าวิธีเดิมถึงสองเท่า ซึ่งความยาวของเทโลเมียร์มีความสัมพันธ์กับโรคต่างๆ ตรวจศักยภาพของสเต็มเซลล์ในการฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งเสต็มเซลล์ที่เหนื่อยล้าเป็นปัจจัยสําคัญทําให้เกิดความชราทางชีวภาพ
• ตรวจศักยภาพการควบคุมอาหารเพื่อการลดน้ําหนักส่วนเกิน ซึ่งช่วยออกแบบวิธีการลดน้ําหนักเฉพาะบุคคลได้
• ตรวจความเสี่ยงการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ตรวจก่อนเป็นโรคเพื่อดูแลสุขภาพ ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ห่างไกลโรค

พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ

• นอนหลับ 8 ชั่วโมงต่อวัน
• ออกกําลังกายสม่ําเสมอ
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
• ควบคุมไขมันในร่างกาย
• ควบคุมความเครียด

พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ

• ทานอาหารไม่ถูกหลัก
• นั่งทํางานอยู่หน้าจอนานเกินไป
• อยู่กลางแจ้งที่มีแดดแรง
• ไม่ออกกําลังกาย
• นอนหลับไม่เพียงพอ